เมนู

4. ทัททรชาดก


ไม่ควรถือตัวในที่ที่เขาไม่รู้จัก


[514] ข้าแต่พี่ทัททระ ถ้อยคำด่าว่าอันหยาบ-
คายในมนุษยโลกเหล่านี้ ย่อมทำให้ฉัน
เดือดร้อน พวกเด็ก ๆ ชาวบ้านผู้ไม่มีพิษ
ฤทธิ์เดช ยังนาด่าว่าเราผู้เป็นอสรพิษร้ายได้
ว่าเป็นสัตว์กินกบกินเขียด และว่าเป็นสัตว์
น้ำ.
[515] บุคคลผู้ถูกขับไล่จากแว่นแคว้นของตน
ไปอยู่ยังถิ่นอื่นแล้ว ควรสร้างฉางใหญ่ไว้
สำหรับเก็บคำหยาบคายทั้งหลาย.
[516] บุคคลอยู่ในสำนักคนผู้ไม่รู้จักชาติและ
โคตรของตน ไม่พึงทำการถือตัวในที่ที่ไม่มี
ใครรู้จักตน โดยชาติหรือโดยวินัย.
[517] บุคคลผู้มีปัญญา แม้เปรียบเสมอด้วย
ไฟ เมื่อไปอยู่ต่างถิ่นไกล พึงอดทน แม้
จะเป็นคำขู่ ตะคอกของทาสก็ตาม.

จบ ทัททรชาดกที่ 4

อรรถกถาทัททรชาดกที่ 4


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภ
ภิกษุผู้มักโกรธรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคำเริ่มต้นว่า
อิมานิ มํ ททฺทร ตาปยนฺติ ดังนี้.
เรื่องได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั้นแล. ก็ครั้งนั้น เมื่อภิกษุ
ทั้งหลายประชุมสนทนากันด้วยเรื่องที่ภิกษุนี้เป็นคนขี้โกรธ ใน
โรงธรรมสภา พระศาสดาเสด็จมาตรัสถามว่า ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้
พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันเรื่องอะไร เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า
เรื่องชื่อนี้พระเจ้าข้า จึงรับสั่งให้เรียกภิกษุนั้นมาแล้วตรัสถามว่า
ดูก่อนภิกษุ ได้ยินว่าเธอเป็นคนขี้โกรธจริงหรือ เมื่อภิกษุนั้นกราบ
ทูลว่า พระเจ้าข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย มิใช่บัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน ภิกษุนี้ก็เป็นคนขี้โกรธ
เหมือนกัน ก็เพราะความเป็นคนขี้โกรธของเธอ โบราณกบัณฑิต
ทั้งหลายแม้ตั้งอยู่ในความเป็นนาคราชผู้บริสุทธิ์ ก็ได้อยู่ในพื้นที่
เปื้อนคูถซึ่งเต็มไปด้วยคูถถึง 3 ปี แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธก
ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ใน
พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เป็นโอรสของพระยาทัททรนาค-
ราชผู้ครองราชสมบัติอยู่ในทัททรนาคภพ อันมีอยู่ ณ เชิงเขาทัททร-
บรรพต ในหิมวันตประเทศ ได้มีนามว่า มหาทัททระ ส่วน